ใครเหมาะสมที่จะดูดไขมัน
1. ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายในการรับการดูดไขมัน
2. มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือใกล้เคียงมาตรฐานโดยทั่วไปน้ำหนักมาตรฐานสำหรับผู้หญิงคำนวณจากส่วนสูง (cm) ลบด้วย 110 กิโลกรัม
3. สำหรับผู้ชายจะเป็นส่วนสูง (cm) 100 กิโลกรัม หรือควรมีค่า BMI (น้ำหนัก (กก.) หารด้วยส่วนสูง อยู่ระหว่าง 18 ถึง 25
4. หากผู้ที่ต้องการจะดูดไขมันมีน้ำหนักตัวมากเกินไปจะทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นและเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจนใช้เวลาในการฟื้นตัวนานและอาจจะไม่ได้ผลเต็มที่
5. มีสภาพจิตใจเป็นปกติมีความต้องการที่เหมาะสมและเป็นไปได้โดยไม่คาดหวังเกินความเป็นจริง เพราะการดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันออกได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
6. ผู้ดูดไขมันต้องบรรลุนิติภาวะอายุ 20 ปีขึ้นไป
การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน
ก่อนที่จะรับการดูดไขมันควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเสียก่อนโดยตรวจเช็คร่างกายและผลเลือด หาค่าความเข้มข้นของเลือด เกล็ดเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ การติดเชื้อแฝง (พาหะโรค) หรือตรวจเช็คการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย เช่น ตับ ไต การแข็งตัวของเลือดในรายที่สูงอายุ เป็นต้น ถ้าพบสิ่งผิดปกติก็ต้องไปตรวจเพิ่มเติมโดยแพทย์เฉพาะทางเสียงก่อน
และสำหรับผู้ที่ต้องการดูดไขมันหลายจุดนั้นแพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมวิตามิน หรือ ธาตุเหล็ก 2-4 สัปดาห์ก่อนทำการดูดไขมัน ในรายที่สูบบุหรี่ต้องงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 ถึง 4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรควบคุมอาหารลดน้ำหนักและออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและฟื้นตัวได้ไวขึ้น รวมถึงในผู้ที่อ้วนลงพุงนั้นจะมีการแนะนำเพิ่มเติมให้ใส่ชุดรัดลำตัวก่อนทำการดูดไขมัน นอกจากเพื่อช่วยให้ชินกับการพันผ้ารัดหลังการดูดไขมันแล้วยังเป็นการเตรียมกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ชินกับการกินน้อยลงด้วย
วิธีการดูดไขมัน เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัดและบริเวณใกล้เคียงด้วยสบู่ยาจากนั้นจะทำการกำหนดจุดที่จะทำการดูดไขมันและในราย ที่ไม่ได้ดมยาสลบจะให้ยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวดหรือเพื่อให้ยาเสริมเช่นยาคลายความตึงเครียดโดยการเปิดแผลขนาดเล็กไม่เกิน 5 มม. ไว้เป็นช่องทางสำหรับใส่น้ำยาเข้าไปทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงเริ่มทำการสลายไขมันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่กล่าวไว้ข้างต้น หลังผ่านกระบวนการสลายไขมันจนไขมันแตกตัวแล้วจะดูดไขมันออกด้วยเครื่องดูดแรงดูดต่ำซึ่งจะได้ไขมันที่แตกตัวแล้วควรออกมากับน้ำเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการก็ทากาวปิดแผลและพันผ้าปิดแผลหรือใส่ชุดรัดลำตัวให้เหมาะสมกับขนาดของผู้ที่ดูดไขมัน
การดูแลหลังการดูดไขมัน
ควรมีการจัดท่าให้เหมาะสม เช่น ถ้าดูดไขมันต้นแขนก็ให้ยกแขนสูง ถ้าดูดไขมันที่ต้นขาก็ให้ยกขาสูง ถ้าดูดไขมันที่ท้องและมีรูระบายอยู่ที่ขาหนีบก็ควรลุกยืนเป็นระยะ โดยทั่วไปแล้วอาการบวมภายหลังการดูดไขมันจะคงอยู่กว่า 1 สัปดาห์ เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 2 อาการบวมจะค่อยๆลดลงจนครบ 2 สัปดาห์ แผลก็จะสมานและอาการคั่งของน้ำเหลืองจะหายไป เกิดการกระชับมากขึ้นจนสามารถเดินเหินไปมาได้ ช่วงแรกอาจจะรู้สึกตึงมีอาการปวดแต่จะค่อยๆดีขึ้นจนหลังสัปดาห์ที่ 6 จึงออกกำลังกายได้มากขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันมีการพัฒนาการดูดไขมันให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกดูดไขมันให้มีส่วนลึกส่วนตื้นจนกลายเป็นการดูดไขมันที่ความคมชัดตามส่วนต่างๆ เพื่อให้ได้รูปร่างเฉพาะส่วนที่เน้นให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อต้นแขน หรือ กล้ามเนื้อหลังเป็นต้น ตั้งแต่การปรับรูปร่างกำจัดส่วนเกินออกจนถึงการปรับรูปร่างให้มีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้นในผู้หญิงหรือเห็นกล้ามชัดขึ้นในผู้ชายซึ่งการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วยจะทำให้ท่านได้รูปร่างที่สมส่วนไปจนถึงความงดงามบนเรือนร่างเฉกเช่นนายแบบนางแบบหรือนักกีฬาได้เช่นกัน
ปรึกษาฟรี ติดต่อได้ที่
Line : munareclinic